หุ้นไทย
หุ้นไทยวันนี้ คือ ตราสารที่แสดงความเป็นเจ้าของในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การลงทุนในหุ้นไทยเป็นการลงทุนในธุรกิจของบริษัทนั้นๆ โดยมีโอกาสได้รับผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อนตัดสินใจลงทุน
ตอนที่ 1 : สถานการณ์ หุ้นไทยวันนี้
ตอนที่ 2 : หุ้นไทยวันนี้น่าลงทุนอยู่ไหม
ตอนที่ 3 : 5 หุ้นไทยเติบโตในช่วงวิกฤต
ตอนที่ 4 : 5 หุ้นไทยที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี
ตอนที่ 5 : สรุป
สถานการณ์ หุ้นไทยวันนี้
สถานการณ์ หุ้นไทยวันนี้ และเดือนหน้าในเดือนพฤษภาคม 2025 ตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากปัจจัยกดดันจากภายนอก เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
นักลงทุนควรติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2025 ของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของแต่ละบริษัท
หุ้นไทยวันนี้ น่าลงทุนอยู่ไหม
ในช่วงเดือนเมษายน 2025 ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยโดยสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนมองว่านี่เป็นโอกาสในการลงทุน หวยไว โดยเฉพาะในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ การท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ
การลงทุนในช่วงนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเน้นการกระจายความเสี่ยงและการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการฟื้นตัวเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น เนื่องจากตอนนี้ไม่ใช่แค่ทุนไทยที่กำลังแย่แต่เรียกได้ว่าทั่วดลกที่ต้องเตรียมตัวรับมือ เงินทั้งหมดเลยเทไปอยู่ที่สินทรัพย์ปลอดภัยจนหมด(ทองคำ)นั่นเอง
กลยุทธ์การลงทุนที่แนะนำใน หุ้นไทยวันนี้
- Selective & Dynamic: เน้นการเลือกหุ้นที่มีการปรับประมาณการกำไรขึ้น และมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
- ลงทุนในหุ้นปันผลสูง: หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง เช่น กลุ่ม SETHD ซึ่งมี Dividend Yield ประมาณ 5.9%
- กระจายความเสี่ยง: ลงทุนในหุ้นหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยเฉพาะกลุ่ม
5 หุ้นไทยเติบโตในช่วงวิกฤต
ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก นักลงทุนหลายคนมองหา “หุ้นหลบภัย” ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตได้แม้ในภาวะวิกฤต
1.) PTT (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)) PTT เป็นบริษัทพลังงานชั้นนำของไทยที่ดำเนินธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีความมั่นคงและศักยภาพในการเติบโตสูง พร้อมทั้งมีประวัติการจ่ายปันผลสม่ำเสมอในอัตราที่น่าพอใจ
2.) ADVANC (บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน))ADVANC หรือ AIS เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของไทย มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในบริการ 5G และอินเทอร์เน็ตบ้าน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
3.) AOT (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) AOT เป็นผู้ดำเนินธุรกิจสนามบินหลักของประเทศไทย แม้จะได้รับผลกระทบในช่วงโควิด-19 แต่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวจากนโยบายสนับสนุนต่างๆ ของรัฐบาล
4.) CPALL (บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)) CPALL เป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายสาขาและการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ และมีประวัติการจ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอ
5.) BDMS (บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)) BDMS เป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของไทย มีเครือโรงพยาบาลที่ตอบโจทย์ในหลายมิติ การเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ และการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ที่ทันสมัยของเมืองไทย จะยิ่งช่วยให้ BDMS สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
5 หุ้นไทยที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี
ในช่วงที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราสูงถึง 36% เพื่อเป็นมาตรการตอบโต้ทางการค้า หุ้นไทยหลายกลุ่มได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ
1.) HANA (Hana Microelectronics) ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยตรง ทำให้ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี
2.) KCE (KCE Electronics) บริษัทผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี
3.) DELTA (Delta Electronics Thailand) บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี
4.) STA (Sri Trang Agro-Industry) ผู้ผลิตยางธรรมชาติและถุงมือยางที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยตรง ทำให้ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี
5.) STGT (Sri Trang Gloves Thailand) บริษัทในเครือของ STA ที่ผลิตถุงมือยางและมีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยตรง ทำให้ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี
สรุป
หุ้นไทยตอนนี้สำหรับคนที่อยากถือแล้วกินปันผลก็สามารถเข้าซื้อได้ครับ แต่คนที่จะซื้อหุ้นเพื่อเกร็งกำไรว่าราคาหุ้นจะพุ่งขึ้นสูงกว่าจะเพื่อเอาส่วนต่าง ผมว่ามันยังไม่ใช่ราคาที่น่าซื้อเท่าไหร่ ด้วยวิกฤตแบบนี้กลัวจะติดดอยนานครับ (ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง)